หลายๆ คนอาจไม่รู้ว่ามี “ออฟฟิศซินโดรมในเด็ก” เนื่องจากเข้าใจว่า ออฟฟิศซินโดรม เป็นโรคที่เกิดกับพนักงานออฟฟิศตามชื่อของโรค แต่ความจริงแล้วโรคนี้เป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากลักษณะการทำงานที่ไม่เหมาะสม เช่น การนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ติดกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง นั่งโต๊ะทำงานเป็นเวลานาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพในหลากหลายด้าน เช่น อาการปวดตึงกล้ามเนื้อ อาการปวดหลัง อาการปวดเข่า หรือข้อต่อต่างๆ เป็นต้น
สาเหตุที่ทำให้เด็กเป็นออฟฟิศซินโดรมเองก็ไม่ต่างจากผู้ใหญ่เลยคือ การนั่งในท่าเดิมนานๆ การใช้คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือมือถือต่อเนื่อง หรือแม้แต่การนั่งเรียนหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานและยังต้องทำการบ้านต่อจนถึงดึกทุกวันก็สามารถทำให้เด็กเป็นออฟฟิศซินโดรมได้เช่นกัน!!
อาการ ออฟฟิศซินโดรมในเด็ก
อาการที่เกิดจากออฟฟิศซินโดรมในเด็กมีได้หลากหลายไม่ต่างจากผู้ใหญ่ ทั้งอาการปวดกล้ามเนื้อหรือกล้ามเนื้อตึง เมื่อยตามร่างกาย ปวดกระบอกตา ปวดหัวคล้ายไมเกรน มีอาการคลื่นไส้อาเจียนบ้าง หรือในบางคนอาจมีอาการนอนไม่หลับ นอนหลับยาก
ในเบื้องต้นเด็กบางคนอาจไม่ทราบว่าตัวเองเป็นออฟฟิศซินโดรมหรือไม่ จึงไม่ได้บอกผู้ปกครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยรุ่นที่เป็นช่วงวัยของการเริ่มมีโลกส่วนตัว การสื่อสารกับผู้ปกครองอาจน้อยลงไปด้วย ดังนั้นผู้ปกครองที่ทราบถึงพฤติกรรมเบื้องต้นของเด็กๆ อยู่แล้วว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นออฟฟิศซินโดรมสามารถตรวจสอบอาการเบื้องต้นเพื่อเข้ารับการรักษาก่อนที่จะกลายเป็นอาการปวดเรื้อรังไปเสียก่อน
ตรวจสอบว่าเด็กๆ
เป็นออฟฟิศซินโดรมหรือไม่
Behap ขอแนะนำวิธีการตรวจสอบอาการออฟฟิศซินโดรมเบื้องต้น 3 วิธี ที่ผู้ปกครองสามารถทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน
1.กดบริเวณบ่าของเด็กด้วยนิ้วโป้ง ค่อยออกแรงทีละน้อย หากเด็กมีอาการปวดตึง นั่นอาจเป็นสัญญาณของออฟฟิศซินโดรม
2.ยืดคอของเด็กโดยให้เด็กหันหน้าเล็กน้อยให้สายตามองตรงไปบริเวณรักแร้ จากนั้นผู้ปกครองออกแรงเบาๆ ดันบริเวณบ่าและศีรษะ ให้กล้ามเนื้อบริเวณคอและบ่ายืดออก หากมีอาการตึงอาจเป็นสัญญาณของออฟฟิศซินโดรม
3.สอบถามเกี่ยวกับอาการเมื่อย ว่าเด็กๆ มีอาการเมื่อยเมื่อนั่งหรือไม่ อาจเป็นได้ทั้งการเมื่อยหลัง เมื่อยคอ หรือแม้แต่การปวดบริเวณเบ้าตา ซึ่งเป็นสัญญาณของการอยู่ในอิริยาบถเดิมนานๆ เสี่ยงต่อการเป็นออฟฟิศซินโดรมในเด็ก
ออฟฟิศซินโดรมในเด็ก ดูแลหรือรักษาได้อย่างไรบ้าง
เบื้องต้น Behap ขอแนะนำให้พาเด็กๆ มาพบคุณหมอหรือนักกายภาพบำบัดเพื่อรับการวินิจฉัยอาการเพิ่มเติมว่าเป็นออฟฟิศซินโดรมหรือเป็นโรคกล้ามเนื้อหรือไม่ ถ้าหากเป็นออฟฟิศซินโดรมสามารถรับการรักษา “กายภาพบำบัด” โดยนักกายภาพบำบัดร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเมื่ออยู่ที่บ้านง่ายๆ ดังนี้
1.การยืดเหยียดกล้ามเนื้อสม่ำเสมอ
2.การปรับเปลี่ยนอิริยาบถทุก 30 นาที อาจลุกขึ้นมาเพื่อทำการยืดกล้ามเนื้อ ขยับตัว สะบัดแขนสะบัดขาก่อนที่จะนั่งทำการบ้านหรือเรียนต่อ
3.เปลี่ยนเก้าอี้และโต๊ะทำงานให้เหมาะสม เพื่อให้ร่างกายอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง โดย
- เลือกเก้าอี้และโต๊ะที่นั่งแล้วจอคอมอยู่ในระดับสายตาหรือต่ำกว่าเล็กน้อย
- ความสูงของโต๊ะที่วางคอมพิวเตอร์จะต้องสูงเท่าศอกเมื่อนั่ง
- เมื่อนั่งเก้าอี้แล้วสามารถวางขาได้ ถ้าหากไม่ถึงให้หาอะไรมารองเท้าเพิ่ม
4.หลีกเลี่ยงการนั่งหรือการใช้จอทั้งมือถือและคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
5.ออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อในส่วนที่กล้ามเนื้ออ่อนแอและเกิดอาการล้า
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม?
1.อาจทำให้กลายเป็นโรคเรื้อรังทั้งในระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทั้งกระดูกสันหลังคด หมอนรองกระดูกทับเส้น ซึ่งเป็นกลุ่มโรคที่ใช้เวลาในการสะสมก่อนที่จะมีอาการรุนแรง
2.อาจนำไปสู่โรคซึมเศร้าซึ่งเป็นผลมาจากอาการปวดกล้ามเนื้อและอาการเครียดสะสมที่เกิดจากความไม่สบายเนื้อสบายตัว ส่งผลต่อสภาวะอารมณ์โดยรวม
3.เกิดเป็นโรคอ้วนหรือไขมันสะสมหากนั่งต่อเนื่องเป็นเวลานาน ไม่ออกกำลังกายหรือวันหนึ่งๆ ขยับตัวเพียงนิดเดียว
จะเห็นได้ว่าโรคออฟฟิศซินโดรมในเด็กมีความใกล้ตัวมากกว่าที่คิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่เกือบทุกสิ่งกลายเป็นออนไลน์ ต้องดำเนินการผ่านคอมพิวเตอร์ เด็กจึงมีการใช้งานคอมพิวเตอร์บ่อยและสูงมากขึ้น ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองควรหมั่นเช็คอาการของลูกเสมอและดูแลพฤติกรรมของเด็กๆ เพื่อไม่ให้เป็นออฟฟิศซินโดรมเรื้อรัง
สามารถรับคำปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับออฟฟิศซินโดรมในเด็กและการรักษาได้ที่ line: @behapwellness หรือโทร (นานา) 081-811-3455, (บางนา) 092-391-9466
อ่านต่อเรื่องการรักษาออฟฟิศซินโดรม
อ่านต่อเรื่องผลกระทบจากการใช้หน้าจอเป็นเวลานาน