ปัญหาข้อเข่าเสื่อม เป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไปในผู้สูงอายุตั้งแต่ 50 ปี และในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่อายุ 40 ปี เนื่องจากพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต ที่มีการกินของมันของหวานมากขึ้น แต่การออกกำลังกายน้อยลงรวมถึงมีการนั่งทำงานเป็นเวลานานทำให้กล้ามเนื้อขาอ่อนแรง เข่าจึงต้องรับน้ำหนักตัวมากขึ้น ผิวข้อเข่าจึงยิ่งสึกกร่อนเร็ว
วันนี้ Behap อยากชวนทุกคนมาสำรวจว่ามีสัญญาณของข้อเข่าเสื่อมต่อไปนี้กันหรือไม่
- ในเบื้องต้นจะมีอาการปวดเข่าเมื่อลุกนั่งหรือขึ้นลงบันได อาการจะดีขึ้นเมื่อได้นั่งพัก
- เหยียดหรืองอเข่าได้ไม่สุด
- มีอาการข้อเข่าฝืดโดยเฉพาะในตอนเช้า
- เมื่อขยับจะรู้สึกได้ถึงการเสียดสีกันของข้อเข่า
การฉีดน้ำหล่อลื่นข้อเข่าช่วยได้อย่างไร?
การฉีดน้ำหล่อลื่นผิวข้อเข่าเป็นอีกหนึ่งวิธีรักษาอาการข้อเข่าเสื่อมสำหรับผู้ที่เคยทำกายภาพบำบัดหรือทานยามาแล้วแต่อาการยังไม่ดีขึ้น ซึ่งน้ำหล่อลื่นผิวข้อเข่าเป็นเทคโนโลยีฯ ทางการแพทย์ในการรักษาข้อเข่าเสื่อมด้วยการฉีดสารที่มีโมเลกุลความหนักและความหนืดใกล้เคียงสารน้ำหล่อลื่นในเข่า (Hyaluronic) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในเข่าที่น้ำหล่อเลี้ยงเสื่อม
ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดคือ ช่วยลดการอักเสบ กระตุ้นการสร้างน้ำหล่อเลี้ยงเพิ่ม และเป็นการบำรุงกระดูกอ่อนบริเวณข้อเข่า ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดหรือต้องการชะลอการผ่าตัดออกไป
จำเป็นต้องฉีด 3 เข็มไหม?
ในการรักษาด้วยการฉีดน้ำหล่อลื่นผิวข้อเข่า แพทย์จะทำการฉีดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 3-5 สัปดาห์ สำหรับเข็มที่ 1 และ 2 จะช่วยในการเจือจางการอักเสบภายในข้อเข่า ดังนั้นผลการลดปวดและการช่วยการทำงานของเข่าจะเห็นผลดีในเข็มที่ 3 ผู้ป่วยจะสามารถขยับเข่าได้ดีมากยิ่งขึ้น หลังฉีดครบ 3 เข็มอาการปวดจะหายเป็นระยะเวลา 6 เดือน – 1 ปี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและการปฏิบัติตนหลังรับการรักษา
หลังฉีดสามารถทำกิจวัตรได้ปกติ แต่ในช่วง 2 – 3 วันแรกควรเลี่ยงการเดินมากๆ เพื่อให้เข่าได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่
ใครที่มีอาการข้อเข่าเสื่อมและสนใจรับการรักษาด้วยการฉีดน้ำหล่อลื่นผิวข้อเข่าสามารถติดต่อขอคำแนะนำกับแพทย์ของทาง Behap ได้เลยที่ line: @behapwellness หรือโทร (นานา) 081-811-3455 , (บางนา) 092-391-9466