HIFEM กับการสร้างหุ่นสวย กล้ามชัด ลดมวลไขมัน ไม่ต้องออกกำลังกาย

เคยได้ยินแต่แค่ใช้เครื่องก็เท่ากับ Crunch/Squat ถึง 20,000 ครั้ง หากยังสงสัยว่า HIFEM เทคโนโลยีนี้มันคืออะไร วันนี้ทีมคุณหมอและนักกายภาพบำบัดจาก Behap Wellness Clinic จะพาไปรู้จักเครื่อง HI-FEM กันครับ

hifem-behap-04 (1)

เกาะติดกระแสเทรนด์รักตัวเอง หันมาดูแลสุขภาพและรูปร่างกันมากขึ้น โดยนิยมทำตามหลักการหลัก ๆ อยู่ 2 เรื่อง คือคุมอาหารและออกกำลังกาย แม้ดูจะเข้าใจได้ง่ายแต่ทำได้ยากมาก เนื่องด้วยจากกิจกรรมในชีวิตประจำวันของเรานั้นไม่เอื้ออำนวย ทั้งนอนดึกตื่นเช้า ทำงาน ประชุม แฮงเอาท์กับเพื่อน ๆ หลังเลิกงาน แล้วเราจะเอาเวลาไหนไปออกกำลังกายกันละเนี่ย อยากมีซิกแพค อยากมีกล้ามหน้าท้องสวย ๆ อย่างคนอื่นเขาบ้าง มีใครช่วยเราได้ไหม? จู่ ๆ ก็มีคุณหมอเดินมากระซิบว่า “ไปเปลี่ยนชุดแล้วมานอนเล่นโทรศัพท์ไป เดี๋ยวหมอให้เครื่อง HIFEM จัดการเอง”

ทำความรู้จักกับเครื่อง HI-FEM

เครื่อง Body Former หรือที่เรียกว่า HIFEM sculpt (High Intensity Focused Electromagnetic) ซึ่งอธิบายได้ว่าเครื่องนี้จะใช้เทคโนโลยีของการยิงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าใหม่ล่าสุดเข้าไปในชั้นของกล้ามเนื้อ เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อให้หดตัวแบบ Supramaximal Contraction (กล้ามเนื้อได้ทำงานเต็มประสิทธิภาพที่ 100% ในขณะที่ยังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่เฉย ๆ) ซึ่งกล้ามเนื้อหดตัวมากกว่าการออกกำลังกายแบบปกติ เช่น Sit-ups (ซิทอัพ) Crunch (ครันช์) Squat (สควอท) และยังช่วยให้เผาผลาญไขมันได้ในเวลาเดียวกันอีกด้วย

ผลลัพธ์ที่คุณจะได้รับ

จากงานวิจัยทางการแพทย์ของ Brian M. Kinney (2019) แผนกศัลยกรรมตกแต่ง University of Southern California Division of Plastic Surgery, Beverly Hills, California ที่ได้ศึกษาการทำงานของเครื่อง HIFEM ได้ให้ผลลัพธ์ว่า จากกลุ่มตัวอย่าง 22 คน การยิงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าช่วยให้กลุ่มตัวอย่างเพิ่มความหนาของเส้นใยกล้ามเนื้อ (Gain Muscle) สูงสุดที่ 32% (เฉลี่ย15.4%) และลดเซลล์ไขมันบริเวณหน้าท้อง (Lose Fat) ได้มากที่สุดถึง 44% (เฉลี่ย18.6%)  ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือนต่อเนื่องกัน ถึงตอนนี้หลายท่านอาจมีคำถามว่า “การทำ Hi-FEM เจ็บไหม?” การันตีได้เลยว่าไม่เจ็บไม่มีแผลแน่นอน หากเปรียบการทำงานของเครื่อง HI-FEM ได้จะเหมือนกับการออกกำลังกายแต่พิเศษกว่าตรงที่เรานั้น นอนพักอยู่เฉย ๆ แต่กล้ามเนื้อมันทำงานของมันได้เอง!! ได้กล้ามเนื้อและลดไขมันทั้ง ๆ ที่ยังนอนเล่นโทรศัพท์ได้ บอกเลยว่าเจ้า HIFEM ช่วยได้มากจริง ๆ โดยโปรแกรมที่เหมาะสมคือต้องทำทรีทเมนต์ HI-FEM กับผู้เชี่ยวชาญหรือนักกายภาพบำบัดจาก Behap Wellness Clinic อย่างสม่ำเสมอ ทุก ๆ 2-5 วัน พร้อมทั้งติดตามผลด้วยการถ่ายรูป Before-After เพื่อให้เห็นความแตกต่างให้มากที่สุดโดยแนะนำให้ทำ 4-6 ครั้ง โดยระยะการทำแต่ละครั้งประมาณ 30 นาที (เทียบเท่ากับการทำท่า Crunch (หน้าท้อง) หรือ Squat (ก้น) ถึง 20,000 ครั้งเลยทีเดียว) ภายในเวลา 2 สัปดาห์ต่อเนื่องและเห็นผลชัดเจนจนน่าพอใจที่สุดในเดือนที่ 2 

อ้างอิง: https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/30302767/

HIFEM ตอบโจทย์ใครบ้าง

  • บุคคลที่มีเวลาจำกัด
  • บุคคลที่ไม่ชอบการออกกำลังกาย
  • บุคคลที่มีปัญหาด้านโครงสร้างของร่างกาย ไม่สามารถออกกำลังกายได้ เช่น เคยประสบอุบัติเหตุรุนแรง ทุพพลภาพทางร่างกาย เช่น แขนหรือขา
  • แต่อยากมีรูปร่างที่สวยงาม กระชับได้สัดส่วน มีกล้ามเนื้อที่ชัดเจนให้มีความมั่นใจมากขึ้น หากมีค่า BMI ไม่เกิน 25 และไม่มีโรคประจำตัว ต้องไม่เคยผ่าตัดหัวใจ ไม่เคยใส่วัตถุโลหะในร่างกาย เช่น ผ่าตัดเปลี่ยนกระดูก จะยิ่งเหมาะสม
  • คนที่ออกกำลังกายเป็นประจำจะทำให้เห็นผลเร็วขึ้น

Behap’s Tips แจกเทคนิคการทำ HIFEM ให้เห็นผลเร็วและชัดเจนยิ่งขึ้น

  1. ออกกำลังกายควบคู่การทำ HI-FEM สม่ำเสมอ
  2. ควบคุมอาหาร ลดอาหารจำพวกแป้ง คาร์โบไฮเดรตและไขมัน เพิ่มอาหารจำพวกโปรตีนเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
  3. พักผ่อนให้เพียงพอ นอนวันละ 6 ถึง 8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังจากการทำ HI-FEM

HI-FEM สามารถมาทำกายภาพบำบัดได้ด้วยเหรอ?

จากการที่เครื่อง HIFEM สามารถกระตุ้นให้กล้ามเนื้อหดเกร็งเพื่อเสริมความแข็งแรงและผลาญไขมัน จากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านั้น ทาง Behap Wellness Clinic ได้นำมาใช้รักษาผู้ป่วยในทางกายภาพบำบัดหลากหลายเคส เพื่อแก้ปัญหาและทำประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น

  1. ผู้ป่วยเพศหญิงที่ใส่รองเท้าส้นสูงมานาน มีอาการปวดหลังส่วนล่างจากการที่มีภาวะหลังแอ่นมากกว่าปกติจึงทำให้ Load ของแรงไม่สมดุล การทำ HI-FEM ที่กล้ามเนื้อหน้าท้องจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงและช่วยให้ลดภาวะหลังแอ่นลงได้
  2. ผู้ป่วยที่มีภาวะอัมพาตครึ่งซีก สามารถเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อ ต้นขา บั้นท้ายและท้อง เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมีกำลังกล้ามเนื้อและสามารถใช้ชีวิตได้ปกติช่วงการเดิน การลุก-นั่งบนเก่าอี้
  3. ลดปวดในผู้ป่วยที่มีภาวะเข่าเสื่อม โดยกระตุ้นกลุ่มกล้ามเนื้อต้นขาส่วนหน้าหรือ Quadriceps เพื่อเสริมความแข็งแรงให้ค้ำจุนโครงสร้างของข้อเข่าและจะช่วยให้ผู้ป่วยมีอาการปวดลดลง
  4. ผู้ป่วยกระดูกสันหลังระดับเอวเสื่อมโดยส่วนมากผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บจากการแอ่นหลัง ซึ่งการทำ HI-FEM ที่หน้าท้องนั้น ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของ Core Stabilizer จึงช่วยให้ลดอาการปวดในผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้
  5. ผู้ป่วยที่ปวดหลังส่วนล่างจากการมีภาวะ Hyperlordosis และกล้ามเนื้อท้องอ่อนแรง โดยการกระตุ้นกล้ามเนื้อท้องทำให้เกิด Reciprocal Pattern ของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อท้องแข็งแรงขึ้นและช่วยลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อหลัง ส่งผลให้อาการปวดหลังบรรเทาได้ดี

ความคุ้มค่า ความสุขและการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้

โดยทาง Behap Wellness Clinic มีคอร์ส HI-FEM ที่มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านระบบกระดูกและกล้ามเนื้อและนักกายภาพบำบัดที่มีประสบการณ์คอยดูแลอย่างใกล้ชิดและจริงใจในราคาพิเศษเพียง 19,990 บาท (จากราคาปกติ 60,000 บาท ช่วยสร้างความคุ้มค่าถึง 40,010 บาท) ต่อการเข้ารับบริการ 8 ครั้ง ในระยะเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อติดตามผลและสังเกตความเปลี่ยนแปลงในรูปร่างที่น่าพอใจขึ้น Behap Wellness ยินดีอย่างยิ่งหากผู้รับบริการ

  • อนุญาตให้เก็บผลการรักษา
  • อนุญาตให้เก็บและเผยแพร่บทสัมภาษณ์ รูปถ่าย ใน social media และสื่อต่าง ๆ ของคลินิก

เพื่อเป็นการส่งต่อและได้แชร์ประสบการณ์ รวมถึงผลลัพธ์ที่ช่วยสร้างความสุขให้กับคนอื่น ๆ หากเรามีรูปร่างที่ดีขึ้น มีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้น ทำไมถึงไม่อยากส่งต่อเคล็ดลับดี ๆ ล่ะ

Behap Wellness Clinic สนับสนุนให้ทุกคนหันมาดูแลรูปร่างของตัวเอง เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากความใส่ใจ เมื่อมีสุขภาพที่ดี รูปร่างที่สวยงาม ก็จะเกิดเป็นความพอใจ มีความสุขที่ได้รักและภูมิใจที่ได้สร้างคุณค่าให้ตัวเอง #BeautifulWellness #เพราะการมีสุขภาพที่ดีคือความสวยงามที่สุด #HIFEM

*หมายเหตุ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นต์ของไขมันและมวลกล้ามเนื้อของแต่ละบุคคล

Recommended Posts